วิธีประหยัดไฟช่วงหน้าร้อน ทำได้จริง แบบง่ายๆ

วิธีประหยัดไฟช่วงหน้าร้อน เริ่มทำไว ประหยัดไฟได้เร็ว

เรื่องAdminCustomer

       ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนเกือบตลอดทั้งปี แต่ช่วงหน้าร้อนโดยเฉพาะเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ค่าไฟฟ้ามักพุ่งสูงขึ้นเป็นพิเศษ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลม ต้องทำงานหนักขึ้น หลายคนอาจเจอกับปัญหาค่าไฟแพงขึ้นกว่าปกติหลายเท่าตัว เพื่อไม่ให้ต้องหนาวตอนจ่ายเงินค่าไฟปลายเดือน เรามี 10 วิธีประหยัดไฟแบบง่าย ๆ ช่วงหน้าร้อนมาฝากกัน

 

ทำไมค่าไฟหน้าร้อนถึงแพงขึ้น ?

หลายคนสงสัยว่าทำไมค่าไฟแพงขึ้นในช่วงหน้าร้อน ทั้งที่ก็ใช่ไฟเท่ากับเดือนอื่น ๆ  สาเหตุมาจากอากาศที่ร้อนจัดในช่วงหน้าร้อน ที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องทำงานหนักขึ้น และเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น ก็จะกินค่าไฟที่มากขึ้น

ถ้าจะให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นคือ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียส แอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ซึ่งนั่นทำให้ค่าใช้ไฟฟ้านั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เพราะแอร์ทำงานหนักมากขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิในห้อง เมื่อกินไฟมากขึ้น ค่าไฟก็แพงขึ้น 

อีกทั้งด้วยอากาศที่ร้อน ก็ยิ่งทำให้เราเปิดแอร์นานขึ้น เปิดพัดลมนานขึ้นและบ่อยขึ้น รวมไปถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดเสื่อมสภาพ ไม่ใช่อุปกรณ์ประเภทประหยัดไฟ ก็จะทำให้ค่าไฟมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตช่วงหน้าร้อน เราเลยมีวิธีง่าย ๆ มาฝากกัน

 

10 วิธีประหยัดไฟช่วงหน้าร้อนแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง

ปรับอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสม

การใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อย่างประหยัดไฟ ควรเลือกเครื่องปรับอากาศให้มีความเหมาะสมกับขนาดของห้อง และปรับอุณหภูมิให้อยู่ในช่วง 26-27 องศาเซลเซียส ก็จะช่วยให้ประหยัดไฟได้มากถึง 10%

1. ใช้พัดลมร่วมกับแอร์

รู้หรือไม่ว่า การใช้พัดลมร่วมกับแอร์ช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10-15% โดยก่อนที่จะเปิดเครื่องปรับอากาศ ควรเปิดพัดลมเพื่อไล่ความร้อนออกจากห้องก่อน เพื่อที่ไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักมากจนเกินไป และการเปิดพัดลมขณะเปิดเครื่องปรับอากาศยังมีส่วนช่วยในการกระจายความเย็นให้มีความทั่วถึงห้องได้อีกด้วย 

2. เปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED

รู้หรือไม่ว่า การเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED จะใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนซ์ถึง 80% เพราะหลอดไฟ LED คือหลอดไฟที่ความร้อนต่ำ ทำให้ไม่ร้อน ส่งผลให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ช่วยเราประหยัดไฟได้มากกว่าห้องแอร์ที่ใช้หลอดไฟแบบอื่น และนอกจากจะช่วยในเรื่องของค่าไฟน้อยแล้ว ยังให้ความสว่างมากกว่าหลอดแบบอื่น ๆ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

3. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน  

หลาย ๆ ครั้งเมื่อใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเสร็จ หลายคนมักจะเสียบปลั๊กทิ้งไว้ เพราะสะดวกในการใช้งานครั้งถัดไป แต่พฤติกรรมเหล่านี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นได้ เพราะการเสียบปลั๊กจะทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาอยู่ตลอด ดังนั้นหลังใช้งานเสร็จทุกครั้ง ควรถอดปลั๊กไฟออก เพื่อช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า

4. ใช้ม่านกันความร้อน หรือฟิล์มกรองแสง

ติดตั้งผ้าม่านกันรังสี  UV หรือการเลือกติดฟิล์มกรองแสงบริเวณกระจกหน้าต่างภายในบ้าน เพื่อลดอุณหภูมิความร้อน มีส่วนช่วยให้บ้านเย็นขึ้น และช่วยทำให้บ้านเย็นเร็วขึ้นเมื่อต้องเปิดแอร์ อาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้สองวิธีควบคู่กันก็ได้

5. ซักผ้าครั้งละมาก ๆ แทนการซักบ่อย ๆ

หน้าร้อนแบบนี้ แดดจัด ๆ แบบนี้ทำให้ผ้าแห้งไว เราจึงควรเปลี่ยนมาใช้วิธีการซักผ้าในครั้งละมาก ๆ แทนการซักผ้าจำนวนน้อย แต่ต้องซักบ่อย ๆ เพื่อจำกัดการใช้เครื่องซักผ้าไม่ให้มีความถี่เกินไปนัก อีกทั้งหน้าร้อนแบบนี้ เครื่องอบผ้าที่เคยใช้ก็คงต้องบอกลากันไปก่อน เพราะแดดจัด ๆ จากพระอาทิตย์ก็น่าจะทำให้ผ้าแห้งได้ง่าย ๆ แถมยังหอมแดดอีกด้วย

6. ปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนนอน

การปิดไฟก็มีส่วนช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มากเลยทีเดียว โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งานให้ติดเป็นนิสัย อย่ากังวลว่าบ้านจะมืดเกินไป วิธีการนี้เป็นการลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น และช่วยเราประหยัดค่าไฟได้ง่าย ๆ อีกทางหนึ่ง

7. ใช้ตู้เย็นให้เต็มประสิทธิภาพ

ตู้เย็นยุคใหม่สามารถปรับความเย็นแยกได้ในแต่ละช่อง โดยแนะนำอุณหภูมิที่เหมาะสม ดังนี้

  • ช่องแช่แข็ง ต้องต่ำกว่า 0 องศา เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อต่าง ๆ 
  • ช่องแช่เย็น เหมาะสมกับการแช่เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ควรตั้งอุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 0-2 องศา เพื่อชะลอการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
  • ชั้นกลางของตู้เย็น เหมาะกับการแช่อาหาร เครื่องดื่ม ทุกประเภท ควรตั้งระดับ Medium คืออุณหภูมิระหว่าง 5-7 องศา
  • ชั้นล่างสุดของตู้เย็น เหมาะสำหรับเก็บผัก ผลไม้ เนื่องจากเก็บความชื้นได้ดี ควรตั้งระดับ Low คืออุณหภูมิระหว่าง 7-10 องศา 

หากตั้งอุณหภูมิตามนี้ ก็จะเป็นการใช้ความเย็นที่ถูกต้องเหมาะสม และช่วยประหยัดไฟได้

8. เปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นแบบประหยัดพลังงาน (ฉลากเบอร์ 5)

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้นได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ได้มาตรฐานตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกระทรวงพลังงานกำหนด ดังนั้นหากต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ควรมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อช่วยให้ค่าไฟไม่สูง และเป็นการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดในระยะยาว

9. ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน แทนการอยู่ในบ้านทั้งวัน

เพราะอยู่บ้านทำให้เปลืองไฟ เรามาประหยัดค่าไฟง่าย ๆ ด้วยการออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านกันดีกว่า! ยิ่งกับบางคนที่อยู่คอนโดด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่ตกกลางคืนผนังคลายความร้อน หากออกไปกินข้าวตามห้างสรรพสินค้าก่อนเข้าบ้านในช่วงเวลายามเย็นหลังเลิกงาน ก็ถือเป็นยืดเวลาเปิดแอร์ในที่พักไปด้วยอีกทางหนึ่ง และช่วยให้ประหยัดไฟขึ้นอีกด้วย 

10. ติดตั้งฉนวนกันความร้อน เพื่อลดการทำงานของแอร์

การติดตั้งฉนวนกันความร้อน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง โดยแผ่นฉนวนกันความร้อนจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ห้องแอร์ ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก และผลการวิจัยพบว่า การติดตั้งฉนวนกันความร้อนในห้องแอร์ สามารถช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศได้ประมาณ 15-30% เลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ด้วย



วางใจเรื่องประหยัดไฟเมื่อซื้อบ้านกับเมซัน 

ใครที่อยากซื้อบ้านประหยัดไฟ ขอแนะนำทาวน์โฮม พระราม3 จาก Maison Development ที่ออกแบบบ้านอย่างพิถีพิถัน ประหยัดพลังงาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ 

นัดหมายเพื่อเยี่ยมชมโครงการ โทร  02-2953397-8

 

ข้อมูลอ้างอิง 

  1. ไขข้อข้องใจ ทำไมหน้าร้อนค่าไฟแพง ทั้งที่ใช้ไฟเท่าเดิม เหมือนเดือนอื่น. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 จาก https://www.sanook.com/campus/1423427/

Related Posts

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า