การซื้อบ้านแต่ละหลัง ไม่เหมือนกับการซื้อของทั่ว ๆ ไป ที่สามารถจ่ายเงินแล้วสามารถเป็นเจ้าของได้เลย โดยเฉพาะคนที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน จะต้องเตรียมเอกสารและติดต่อกับทางธนาคารเพิ่มขึ้นมาอีก วันนี้เราจะเลยจะช่วยสานฝันคนอยากมีบ้าน ด้วยการบอกขั้นตอนและการเตรียมตัวเพื่อซื้อบ้าน ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง
1. เตรียมพร้อมทางการเงิน
สิ่งแรกของคนที่เตรียมตัวซื้อบ้านต้องเตรียมคือ “ความพร้อมทางการเงิน” และเป็นเรื่องหลัก เพราะภาระค่าบ้านไม่ได้มีแค่ค่าผ่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังมีค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงรักษาบ้าน และค่าใช้จ่ายภายในบ้านอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งแนะนำให้คนที่จะกู้ซื้อบ้าน เตรียมพร้อมทางการเงินหลัก ๆ 2 ประการ ดังนี้
- เคลียร์หนี้ และภาระค่าใช้จ่ายทางการเงิน ให้ดำเนินการปิดยอดสินเชื่อที่จำเป็นออกไป ในที่นี้รวมถึงหนี้บัตรเครดิตที่ค้างชำระหรือจ่ายขั้นต่ำอยู่ด้วย
- ออมเงินก้อน เพื่อเป็นภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างการซื้อเฟอร์นิเจอร์ บิวด์อิน หรือตกแต่งบ้านอื่น ๆ ตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ขอแนะนำให้มีเงินก้อนฉุกเฉินสำรองเอาไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างการออกจากงานโดยที่ไม่คาดคิด หรือเจ็บป่วยต่าง ๆ เพื่อจะได้ไม่กระทบสถานะทางการเงินในภาพรวมของเรา
2. ประเมินความสามารถทางการเงิน
ความสามารถในการผ่อนชำระของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนไม่มีภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจจะสามารถผ่อนชำระได้เต็มที่ 40-50% ของรายได้ต่อเดือน แต่สำหรับบางคนอาจจะต้องส่งเงินให้พ่อแม่ หรือมีค่าใช้จ่ายของลูก อาจจะสามารถผ่อนบ้านได้แค่ 30% ของรายได้ต่อเดือน
แนะนำให้ลองเอาเงินที่สามารถผ่อนชำระได้ต่อเดือน คูณด้วย 150 บาท จะได้ยอดวงเงินกู้คร่าว ๆ ที่สามารถจ่ายไหว
ตัวอย่างเช่น หากคำนวณแล้วสามารถผ่อนชำระได้ 40,000 บาทต่อเดือน ยอดวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่สามารถขอกู้ได้จะอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยเงินกู้และนโยบายของแต่ละธนาคาร
3. เตรียมเอกสารให้พร้อม
หลังจากเตรียมความพร้อมด้านการเงิน และประเมินราคาค่าบ้านที่สามารถกู้ไหวแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ เอาไว้ให้พร้อมดังนี้
- เอกสารแสดงรายได้ทั้งหมด ทั้งจากบริษัทและรายได้เสริม ได้แก่ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองรายได้ หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
- รายการเดินบัญชีเงินฝาก (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน
- เอกสารหลักประกันต่าง ๆ เช่น สำเนาหนังสือจะซื้อจะขาย/หนังสือวางมัดจำ ในกรณีที่มีโครงการบ้านที่ต้องการซื้อแล้ว
- เอกสารส่วนบุคคล เช่น บัตรประชาชนของตนเองและคู่สมรส (ถ้ามี) ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) ทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบมรณะบัตรของคู่สมรส (ถ้ามี) ทะเบียนบ้านของผู้ขอกู้
4. สำรวจโครงการบ้านที่ใช่
ถึงเวลาสำรวจหาหมู่บ้านที่ใช่ โครงการที่ชอบ แนะนำให้ลองลิสต์สิ่งที่ต้องการของทุกคนในครอบครัวออกมาก่อน เช่น ครอบครัวอยู่อาศัยกันกี่คน ต้องการกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ พื้นที่บ้านที่ต้องการ พื้นที่ส่วนกลางเป็นอย่างไร สวน สระว่ายน้ำ คลับเฮาส์และฟิตเนสตอบโจทย์ที่ต้องการหรือไม่ ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากดูรายละเอียดภายในโครงการแล้ว แนะนำให้เลือกทำเลที่ตรงกับความต้องการ เดินทางสะดวกหรือไม่ การขนส่งสาธารณะเป็นอย่างไร การจราจร ถนนหนทาง รวมถึงสาธารณูปโภค ห้างสรรพสินค้า ตลาดที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อที่ทุกคนในครอบครัวจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย
5. การจอง การทำสัญญาจะซื้อจะขายกับโครงการ และเซ็นสัญญากู้ซื้อบ้าน
หลังจากที่สำรวจโครงการบ้านที่ต้องการแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องวางเงินจองกับโครงการบ้าน ซึ่งแต่ละโครงการจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10,000-50,000 บาท โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้
- วางเงินจอง เพื่อล็อกบ้านที่ต้องการซื้อ
- ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับทางโครงการ
- ขอสินเชื่อกับทางธนาคาร ซึ่งจะสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ทางโครงการจะเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารที่เป็นพาร์ตเนอร์ กับอีกวิธีคือ ผู้ซื้อเป็นผู้ขอสินเชื่อกับทางธนาคารเอง
- ทางธนาคาร/สถาบันทางการเงิน อาจจะขอเอกสารเพิ่มเติม
- แจ้งผลการขอสินเชื่อ ซึ่งหากธนาคารอนุมัติมากกว่า 1 ธนาคาร สามารถเลือกธนาคารที่ให้ข้อเสนอที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้กู้มากที่สุดได้
- เซ็นสัญญาขอสินเชื่อบ้านกับทางธนาคาร
กรณีที่ซื้อเงินสด เมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว สามารถนัดวันโอนบ้านที่กรมที่ดินได้เลย แนะนำให้จ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คเพื่อความปลอดภัย
6. นัดโอนบ้าน ณ กรมที่ดิน
หลังจากที่เซ็นสัญญากู้ซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว ทางโครงการจะนัดโอนบ้านและที่ดิน โดยเราสามารถทำได้ 2 วิธีการคือ
- เดินทางไปโอนด้วยตนเอง
- มอบอำนาจให้โครงการเป็นผู้ดำเนินการ โดยเราจะต้องเตรียมเอกสารและเซ็นใบมอบอำนาจให้กับทางโครงการให้เรียบร้อย หากว่ามีเงินกู้ส่วนต่างจะถูกโอนเข้าบัญชีของผู้กู้โดยตรง ไม่ผ่านทางโครงการบ้าน
นอกจากนี้เราจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายในวันโอน ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของโครงการและการตกลงของผู้ซื้อและผู้ขาย
- ค่าจดจำนอง (1% จากเงินกู้) ในกรณีที่จ่ายเงินสด จะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
- ค่าอากรแสตมป์ (0.5% ของราคาซื้อขาย) หรือค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ (3.3% ของราคาซื้อขาย)
- ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้ขาย
7. การตรวจรับบ้าน
การตรวจรับบ้านเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อบ้าน เหมือนกับเป็นการตรวจสินค้าก่อนส่งมอบ ซึ่งเราสามารถตรวจรับบ้านด้วยตนเอง หรือจ้างตรวจรับบ้านโดยวิศวกร ซึ่งบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 5,000 -10,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอยของบ้าน
เช็กลิสต์รายการตรวจรับบ้านที่สำคัญ
- ระบบไฟฟ้าโดยรวม
- ระบบไฟส่องสว่าง
- ระบบน้ำภายในบ้านทั้งหมด
- งานพื้นและผนัง
- งานประตูและหน้าต่าง
- โครงสร้างบ้าน
- สวนและบริเวณโดยรอบบ้าน
หากพบว่ามีการเก็บงานไม่เรียบร้อย หรือไม่ตรงสเปกตามที่ระบุเอาไว้ตามสัญญา สามารถให้ช่างโครงการดำเนินการแก้ไขก่อนส่งมอบบ้าน
บ้านเดี่ยวคุณภาพ จาก Maison Development
หากว่าคุณกำลังมองหาบ้านเดี่ยวโครงการใหม่พร้อมอยู่ ขอแนะนำบ้านเดี่ยวจาก Maison Development มีหลากหลายโครงการและทำเลให้เลือกตามความต้องการ ออกแบบบ้านอย่างพิถีพิถัน ใช้วัสดุคุณภาพดีในการก่อสร้าง ส่วนกลางจัดเต็ม มีพื้นที่สำหรับทุกคนในครอบครัว นัดหมายเจ้าหน้าที่เพื่อเยี่ยมชมโครงการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-2953397-8
ข้อมูลอ้างอิง
- เอกสารประกอบการขอสินเชื่อมีอะไรบ้าง